หัวข้อ: ทำความรู้จักเครื่อง RB ง่ายนิดเดียว (โดยช่างเทพ Modify)

[セフィーロ FujinBlue]

ทำความรู้จักเครื่อง RB ง่ายนิดเดียว (โดยช่างเทพ Modify)

http://www.a31club.com/webboard/index.php?topic=39500.0

หัวข้อนี้ เขียนขึ้น เพื่อให้เพื่อนสมาชิก รู้จักเครื่องอาบีกันมากขึ้น

ในส่วนทำงานของระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ECU เซนเซอร์ต่างๆ ว่าทำงานอย่างไร

มีส่วนใด ที่จำเป็นบ้าง เมื่อได้ทราบถึงระบบต่างๆแล้ว จะได้ใช้รถกันอย่างมีความสุขครับ

ผมขอเริ่มเกริ่น ด้วยการอธิบายคอนเซ็ป การควบคุมของกล่อง ECU ก่อนละกัน

ลองเปรียบกับมนุษย์หนึ่งคนละกันครับ เงื่อนไขของระบบคอมพิวเตอร์

จะต่างกับมนุษย์ ตรงที่มนุษย์ สามารถคิด วิเคราะห์ได้ ส่วนคอมพิวเตอร์

ไม่สามารถทำได้เอง จนกว่าจะมีการกำหนดเงื่อนไขให้ ซึ่ง มันรู้จักแค่ 1 กับ 0 เท่านั้น

ระบบจะทำงานได้ ต้องมีส่วนของการรับค่า(Input)

ประมวลผล(Process) และจ่ายออกเพื่อการทำงาน (Output)

ส่วนของการรับค่า เปรียบเสมืน ตาของมนุษย์นั่นเอง รับค่า

แล้วส่งไปยังสมอง นั่นก็คือกล่องอีซียู

มาเริ่มจากส่วนการรับค่าก่อนเลยว่า อุปกรณ์ชิ้นใด

รับค่าอย่างไร แล้วส่งอะไร ไปให้กล่องอีซียูบ้าง

ในที่นี้ จะพูดถึงเครื่อง RB20DE,DET เป็นหลัก เนืองจาก

มีความหลากหลาย และเป็นพื้นฐานชัดเจนครับ



ส่วนรับค่า มีทั้งหมดดังนี้
 
1.Crank Sensor หรือ เซนเซอร์จานจ่ายนั่นเอง อยู่บริเวณหน้าเครื่อง มองเห็นชัดเจน

2.AirFlow Meter หรือ เซนเซอร์การตรวจวัดปริมาณอากาศ หลายๆคนคงจะรู้จักกับมันเป็นอย่างดี

3.Water Temp Sensor หรือ เซนเซอร์วัดอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น

4.Oxygen Sensor หรือ เซนเซอร์วัดส่วนผสมของน้ำมันเชื้อเพลิง

5.Throttle Sensor หรือ เซนเซอร์ลิ้นปีกผีเสื้อ เพื่อตรวจจับตำแหน่งการเหยียบคันเร่ง

6. Speed sensor หรือเซนเซอร์จับความเร็วของรถยนต์ ได้สัญญาณมาจากไมล์วัดความเร็วบนหน้าปัทนั่นเอง

7. Power Steering pressure sensor หรือ เซนเซอร์วัดแรงดันน้ำมันพาวเวอร์ เพื่อใช้ช่วยชดเชยรอบเดินเบานั่นเอง

8. Neutral Gear position หรือเซนเซอร์เกียรว่าง เพื่อใช้ในการควบคุมรอบเดินเบา

ต่อไป คือส่วนประมวลผล นั่นคือกล่อง ECU

 
ส่วนนี้มีหน้าที่แค่ทำตามเงื่อนไข ที่ถูกกำหนดขึ้นไว้เท่านั้น จากคำสั่งซ้ำๆ
 
หรือ จาก ROM นั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น วันนี้อากาศร้อน จะต้อง อาบน้ำสองครั้ง

หรือ วันนี้อากาศเย็น จะต้องอาบน้ำครั้งเดียว เงื่อนไขการประมวลผล จะอธิบายต่อหลังจากนี้

ส่วนของการส่งค่า มีดังนี้

1.Injector หรือ หัวฉีดนั่นเอง ทำหน้าที่คอยจ่ายน้ำมันเข้าสู่ห้องเผาไหม้

2.Ignition or Ignition Coil หรือ คอยจุดระเบิด คอยทำหน้าที่ให้ประกายไฟที่หัวเทียน เพื่อการจุดระเบิดของเครื่องยนต์

3.AAC Valve หรือ โซลินอยวาล์ว ที่ทำหน้าที่ควบคุมปริมาณอากาศที่เครื่องยนต์ต้องการ

มีภาครับ และส่ง แค่นี้ ยังจะมีใครบอกว่าเซนเซอร์มันเยอะอีกไหมเนี่ย

[セフィーロ FujinBlue]

วันนี้มาเริ่มที่ส่วนของการรับค่าตัวแรกกันเลยดีกว่า นั่นก็คือ Crank Sensor 



เจ้าตัวนี้มีไว้ทำไม  คำตอบก็คือ  มีไว้อ่าน ตำแหน่งต่างๆของลูกสูบ

ว่าขณะนี้ ขณะนั้น ลูกสูบ อยู่ตำแหน่งไหน เพลาข้อเหวี่ยงอยู่ตำแหน่งไหน

เพื่อบอกกับกล่องอีซียู ให้รับรู้ถึงสถานะของตำแหน่งนั้นๆ

การทำงานของแคร๊งเซนเซอร์ จำเป็นต้องมีไฟฟ้าเพื่อเปิดการทำงานของตัวเซนเซอร์

และอ่านสัญญาณออกมาในรูปคลื่น  (Pulse)  

การอ่านสัญญาณตำแหน่งในเครื่องยนต์ RB ถูกแบ่งออกเป็นสองสัญญาณ คือ

ชุดแรก จะให้คลื่นออกมา ทุก 1 องศาเพลาข้อเหวี่ยง

และชุดที่สอง จะให้คลื่นออกมา ทุก 120 องศาเพลาข้อเหวี่ยง

ข้อมูลเหล่านี้ จะถูกส่งต่อไปยังกล่อง ECU เพื่อรายงานสถาณะต่อไป  

เมื่อเจ้าตัวนี้มีปัญหา แน่นอนว่าสตาร์ทไม่ติดแน่ๆ  

เนื่องจาก กล่อง ไม่สามารถรับรู้ ได้ว่าเครื่องยนต์หมุนอยู่หรือไม่  

หรือรับรู้ว่า เครื่องยนต์หยุดหมุนแล้วนั่นเอง

[セフィーロ FujinBlue]

ตัวที่สอง คือ Air Flow Meter





เจ้าตัวนี้ คอยวัดปริมาณอากาศที่ไหลผ่าน แล้วส่งข้อมูลอากาศนี้ ไปยังกล่องอีซียู

เพื่อทำการประมวลผลทำงานได้โดยให้พลังงานไฟฟ้า เพื่อเปิดสถานะการทำงาน

และส่งปริมาณอากาศ ออกมาในรูปของไฟฟ้า 0-5 โวล์ท

การเปลี่ยนแอร์โฟลวมิเตอร์ แม้รุ่นเดียวกัน ย่อมมีความคลาดเคลื่อนของอุปกรณ์ไฟฟ้า

ค่าต่างๆที่ถูกส่งออกไป มัความคลาดเคลื่อนเสมอ

การเปลี่ยนแอร์โฟลวมิเตอร์ VG30 ไม่ทำให้กำลังเครื่องยนต์มากขึ้น

เพียงแต่ทำให้สามารถรู้จักอากาศที่มากขึ้นได้นั่นเอง เช่น สมมุตว่า

แอร์โฟลวมิเตอร์ อ่านค่าได้ 5 โวล์ท จากอากาศที่ไหลปริมาณ 200 ลูกบาศก์ฟุต ต่อวินาที    ถ้าอากาศไหลมากกว่านั้น ก็จะอ่านได้ 5 โวล์ท เท่าเดิม

นั่นหมายความว่า การจ่ายน้ำมัน ย่อมมีผลคลาดเคลื่อนตามออกไปด้วย   แอร์โฟลวมิเตอร์แต่ละรุ่น จึงมีย่านการอ่านอากาศของแต่ละรุ่น ที่แตกต่างกัน     

หากแอร์โฟลวมิเตอร์เสีย   นั่นหมายความว่า   ECU  ไม่สามารถรับรู้ได้ว่า มีอากาศไหลผ่านเข้าไปในเครื่องยนต์ 

นั่นแปลว่า ไม่จำเป็นต้องมีการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่ง ง่ายๆคือ รถดับนั่นเอง

[セフィーロ FujinBlue]

ตัวถัดไป คือ  Water Temp Sensor  หรือ เซนเซอร์วัดอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น






ตัวนี้ ไม่มีอะไรซับซ้อน มีหน้าที่คอยบอก ECU ว่าอุณหภูมิน้ำปัจจุบันเป็นเท่าไหร่

อุณหภูมิน้ำต่างกัน  เงื่อนไขการทำงานของเครื่องยนต์ ย่อมต่างกันไปด้วย

[セフィーロ FujinBlue]

ต่อมาคือ Oxygen Sensor  หรืออุปกรณ์วัดส่วนผสมของน้ำมันเชื้อเพลิง  



เจ้าตัวนี้ ทำงานได้โดยมีไฟฟ้ามาเปิดการทำงานของมัน เมื่อมันทำงานแล้ว

จะส่งกระแสไฟฟ้าออกมา  มีแรงเคลื่อน 0-1 โวล์ท

เพื่อให้ ECU รับรู้ถึงสถาณะส่วนผสม  ว่าขณะนี้ น้ำมันที่จ่ายออกไป เพียงพอที่กำหนด หรือไม่

มากไป น้อยไป อย่างไร จากนั้นกล่อง ECU จะทำการ ปรับค่าส่วนผสม

ให้เข้ากับที่มีการโปรแกรมไว้ในส่วนความจำนั่นเอง  

โดยที่  จะมีการควบคุมส่วนผสมในช่วงหนึ่งเท่านั้น

นั่นหมายความว่า   ECU จะพยายาม ทำให้ส่วนผสมเผาไหม้ได้สมบูรณ์ที่สุด

แต่ไม่ใช่ส่วนผสมที่ให้กำลังงานสูงสุด  นั่นจึงเป็นเหตผล ที่มีคนถามว่า

จูนรถแล้ว มันจะแรงขึ้นได้อย่างไร  และเมื่อถึงช่วงโหลดการทำงานหนึ่ง

หรือรอบการทำงานหนึ่ง  การควบคุมส่วนผสม จะถูกปิดการทำงานไป

หากตัวนี้เสีย ไม่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด  สามารถวิ่งได้ แต่มีอาการกินน้ำมัน  วิ่งไม่ออก เป็นต้น

[セフィーロ FujinBlue]

ตัวต่อไป Throttle Sensor หรือเซนเซอร์ตำแหน่งลิ้นปีกผีเสื้อ




ในชุดการทำงานของนิสสัน จะแบ่งการทำงานเป็น สองชุดหลักๆ ในตัวเดียวกัน  คือ

1. การจับตำแหน่งของลิ้นปีกผีเสื้อ  

2. การจับตำแหน่งของคันเร่งปิด  และ คันเร่งเปิด

การทำงานคือมีไฟฟ้าเลี้ยงเพื่อให้มีการทำงาน และจ่ายไฟฟ้า 0-5 โวล์ทออกไป

เพื่อให้กล่อง ECU มองค่าแรงเคลื่อนไฟฟ้านี้ เป็น % คันเร่ง

สองชุดนี้ ต่างกันอย่างไร และสำคัญอย่างไร  

การอ่านค่าสองชุดนี้ อยู่ในตัวเดียวกัน ส่งผลสำคัญมาก ต่อการทำงานของชุดควบคุมรอบเดินเบา  

เมื่อมีการตั้งเซนเซอร์ลิ้นปีกผีเสื้อ อย่างผิดๆ นั่นหมายความว่า การควบคุมรอบเดินเบา

ย่อมมีปัญหาตามมาด้วย บ่อยครั้ง ที่มีคนถาม หรือกระทั่งทำให้แล้ว  ก็ยังไม่เชื่อไม่ฟัง  ตั้งเองกลับไปกลับมา

ซ่ำแล้วซ้ำเล่าโดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าการตั้ง ...มันตั้งเพื่ออะไร  และตั้งทำไม ... -_+

ผมจะบอกหัวใจหลัก ของการคุมรอบเดินเบาในเครื่องยนต์นิสสันให้  

ECU จะคุมรอบเดินเบานั้น  ต้องการ อะไรบ้างคือ

1. ลิ้นปีกผีเสื้อ ต้องอยู่ในตำแหน่งปิด

2. อยู่ในตำแหน่งเกียรว่าง  เกียรขับเคลื่อน หรือรถวิ่ง   การควบคุมย่อมต่างกันออกไป

3.สัญญาณการทำงานของระบบทำความเย็น

4.เซนเซอร์ แรงดันน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์

% คันเร่ง ตั้งไปพร้อมๆกับสวิชเดินเบา  สังเกตได้จาก การที่ปรับตั้งตามเข็มนาฬิกาออกไปเรื่อยๆ

แล้วรอบเครื่องสูงขึ้น นั่นหมายความว่า เซนเซอร์ บอกสถานะว่า

มีการเหยียบคันเร่งอยู่ การที่ให้เคาะเบาๆทวนเข็มนาฬิกาจนรอบเครื่องลดลงมา  

เพื่อให้เซนเซอร์นั้น จับอาการว่าลิ้นปีกผีเสื้อปิด ต้องคุมรอบเดินเบาต่อไปนะ

ส่วน% คันเร่ง มีผลต่อการเหยียบคันเร่งอย่างกระทันหัน  

เร่งเครื่องอย่างรวดเร็ว เพื่อลดอาการกระตุก วอด ต่างๆเหล่านี้

การปรับตั้งรอบเดินเบา จะพูดถึงในหัวข้อต่อไป

[セフィーロ FujinBlue]

เมื่อ ECU รับรู้  ว่าเซนเซอร์ตัวต่างๆ รายงานผลมาว่าอะไรแล้ว 

ECU จะทำตาม สิ่งที่มันถูกเสี้ยมสอนไว้  นั่นก็คือ กระบวนการ คูณตัวเลข

เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมา แล้วสั่งจ่ายไปยัง Output  ต่างๆ ต่อไป เครื่องยนต์จึงทำงานได้สมบูรณ์




ก่อนจะพูดถึงการปรับตั้งรอบเดินเบา ต้องมาทำความรู้จักเจ้า AAC Valce กันซะก่อน

เจ้าตัวนี้ทำงานได้โดย มีไฟฟ้าเลี้ยงอยู่ตลอด และควบคุมการเปิดปิด

ของประตูลม ด้วยคลื่น GND  นั่นหมายความว่า เมื่อไหร่ ที่กราวถูกส่งออกมาเยอะ ประตูลม ก็จะเปิดกว้างนั่นเอง

เจ้าตัว AAC Valve จะมีสกรู บายพาสอากาศ เพื่อให้เครื่องยนต์ ทำงานเดินเบาได้เอง โดยที่ไม่ต้องมีการชดเชยภาระต่างๆ

หน้าตาแบบนี้ อาจจะไม่ตรงรุ่น แต่เหมือนๆกัน



และเมื่อมีภาระการทำงานของเครื่องยนต์มากขึ้น  เจ้า AAC Valve เนี่ยแหละ

ที่จะเข้ามาช่วยเปิดอากาศเพิ่ม เพื่อให้รอบเครื่องอยู่นิ่ง ณ จุดที่กล่องสั่งอีกที


การปรับตั้ง จะเริ่มตั้งแต่  การออกไปวอร์มให้เครื่องร้อนถึงอุณหภูมิทำงานปกติเสียก่อน แล้วจึงปฎิบัติตามนี้

1. สตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ โดยไม่มีภาระอะไร   

2. คลายน๊อตเซนเซอร์ลิ้นปีกผีเสื้อออกนิดหน่อย พอให้ตัวเซนเซอร์ขยับได้

3. เริ่มเคาะเบาๆ ตามเข็มนาฬิกา จนรอบเครื่องสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นั่นหมายความว่า เซนเซอร์เดินเบา จับได้ว่ากำลังเหยียบคันเร่งแล้วนะ

4. เคาะทวนเข็มนาฬิกากลับมาช้าๆ จนรอบเครื่อง กลับลงมาต่ำเหมือนเดิม นั่นหมายความว่า เซนเซอร์เดินเบา จับได้แล้วว่าคันเร่งปิด พร้อมที่จะควบคุมรอบเดินเบา

5. ล๊อคน๊อต  ที่จริงแล้ว ต้องมีการตั้ง% คันเร่ง ให้ได้ตามที่ต้องการ ควบคู่กับการตั้งสวิชเดินเบาด้วย แต่มีความยุ่งยาก และวุ่นวายเกินความจำเป็น

     จึงทำแค่เพียงตั้งการควบคุมการเดินเบา ก็พอแล้ว    (% คันเร่ง จะตั้งที่ 0.46 โวล์ท โดยประมาณ)

6. ดึงปลั๊ก AAC วาล์ว ออกมา เพื่อเช็คความสามารถในการเดินเบา โดยไม่มีตัวช่วย  จะพบว่า ต้องตรงกับ การควบคุมจากกล่อง อีซียู นั่นก็คือ 650 รอบต่อนาที

    แต่ในทางปฎิบัติ อุณหภูมิ ภาระต่างๆ ที่มี มักจะมีความคลาดเคลื่อน  ในที่นี้ ควรตั้งให้สูงขึ้นมานิดหน่อย เพื่อช่วยการทำงานของ AAC วาล์วเพิ่มเติม

    โดยปกติ  กล่อง ECU จะถูกสั่งให้ควบคุมรอบเดินเบา อยุ่ที่ 650 รอบต่อนาที นั่นหมายความว่า ถ้ารอบสูงเกินนี้ กล่องไม่สั่งชดเชยอากาศเพิ่ม   จนกว่ารอบเครื่อง

     จะต่ำกว่า 650 รอบ  การแก้ไขรอบเดินเบา ขณะมีการชดเชย สามารถปรับเปลี่ยนโปรแกรมได้ในกล่อง ECU โดยต้องมีการเซ็ทโปรแกรมใหม่ เพื่อความเหมาะสม     

7. หลังจากดึงปลั๊กออกแล้ว  ให้ตั้งรอบเดินเบาที่สกรูปรับรอบเดินเบา ให้สูงกว่า 650 รอบต่อนาทีเล็กน้อย อาจจะปรับที่ 700-750 รอบต่อนาที เพื่อเป็นการ

     ช่วยชดเขยล่วงหน้า ก่อนมีภาระเยอะๆ

8. เมื่อตั้งรอบได้ที่ต้องการแล้ว  เสียบปลั๊กกลับที่เดิม  รอบเครื่อง จะถูกกล่อง ECU ควบคุมตามรอบที่กำหนดอีกครั้งหนึ่ง

9. จุดสังเกตคือ  ไม่ว่าจะทำอะไรกับมัน ECU จะมองรอบเดินเบา ตาม เป้าหมายที่ตั้งไว้ นั่นคือ 650 รอบจากโรงงาน   ถ้ารอบสูงกว่า แปลว่า อากาศไหลเข้าได้

    โดยไม่ผ่านการสั่งจากกล่อง  เมื่อมีภาระ หรือโหลดเครื่องยนต์ที่มากขึ้น  ไม่ว่าจะมากแค่ไหน กล่อง ECU ก็จะสั่งให้ชดเชยรอบขึ้นมาได้แค่ 650 รอบต่อนาที

     เท่านั้น   เพราะฉะนั้น ไม่จำเป็น ต้องพยายามเพิ่มรอบให้สูงเกินความจำเป็น เพราะนั่นหมายความว่า คุณกำลังไม่ได้ใช้การชดเชยช่วย ของ AAC Valve เลย

10. จบการตั้งรอบเดินเบา เอย

[セフィーロ FujinBlue]

ส่วนการตั้ง Crank sensor

ทำได้โดยใช้เครื่องมือวัดองศาไฟจุดระเบิด เรียกว่า Timing Light ครับ 

การปรับตั้ง  คือการปรับตั้ง ให้ตรงกับตำแหน่งที่กล่องสั่งออกมา

15 องศา ก่อนศูนย์ตายบน สำหรับกล่องเกียรธรรมดา

20 องศา ก่อนศูนย์ตายบน สำหรับกล่องเกียรออโต้ 

ส่วนของการตั้งไฟจุดระเบิดนี้ ควรตั้งให้ตรงกับโปรแกรมในกล่อง

เนื่องจาก มีผลต่อการชดเชยความผิดพลาดต่างๆในขณะเครี่องยนต์เกิดการน๊อคขึ้นด้วย   

ไม่ควรปรับตั้งเล่น